คนเกิดมาแตกต่างกัน เพราะเหตุใด (ตอนที่ ๑ )
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับความหมายของคำว่า ทำไม ทำมา ทำไป เสียก่อน
คำว่า ทำไม เป็นคำถามที่ทุกคน ใช้ถามกัน เมื่อเกิดความสงสัย ในสิ่งต่างๆ ในโลก จึงมีการศึกษาค้นคว้า หาความจริง ค้นหาเหตุ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีปัญญามากน้อยต่างกัน แต่ก่อนข้าพเจ้าเอง ก็มีความสงสัยว่า ทำไม เราจึงเกิดมาเป็นมนุษย์ หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ศึกษาพระพุทธศาสนาจนเข้าใจ ในพระธรรมคำสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ที่มนุษย์และสัตว์ เกิดมาเพราะ “กฎแห่งกรรม” คิดดี พูดดี ทำดี เรียกว่า กรรมดี คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เรียกว่า กรรมชั่ว ซึ่งหมายถึง การกระทำทางกาย วาจา ใจ ของเรานั่นเอง กรรมส่งผลให้เกิดมาเป็นมนุษย์หรือสัตว์ มีความทุกข์ความสุข ที่แตกต่างกัน จึงเกิดคำถามขึ้นว่า “ทำไม” เราจึงเป็นอย่างนี้ แต่ทำไมคนอื่นถึงเป็นอย่างนั้น ข้าพเจ้าจะตอบคำถามของท่านทั้งหลาย ที่ยังมีความสงสัย ในเรื่องต่างๆ ดังจะกล่าวต่อไปนี้
คำว่า ทำมา หมายความว่า ที่เราได้เกิดมาชาตินี้จะทุกข์หรือสุข ขึ้นอยู่กับการที่เราได้ทำกรรมดี กรรมชั่วมาในอดีตชาติ จึงส่งผลมาให้เราได้รับในชาตินี้
คำว่า ทำไป หมายความว่า เราทำกรรมดี กรรมชั่วในชาตินี้ จะส่งผลให้เราไปเกิดใน ชาติหน้า จะไปเกิดเป็นมนุษย์หรือสัตว์ หรือเกิดเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับการทำกรรมดี กรรมชั่วของเราเอง
๑. คำถาม ทำไม คนจึงมีรูปร่างหน้าตาสวยงามต่างกัน เพราะเหตุใด
คำตอบ เพราะในอดีตชาติ ผู้ที่ไม่นำศีลมารักษากาย วาจา ให้สะอาดบริสุทธิ์ ไม่งดเว้นทำความชั่ว ตามศีลที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้บัญญัติไว้ มีศีล๕ ศีล๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ กาย วาจาจึงไม่สะอาด เกิดมาชาตินี้จึงมีรูปร่างหน้าตาไม่สวยงามเพราะ เขาทำมา
ผู้ใดต้องการจะมีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ในชาติหน้า ต้องนำศีล๕ ศีล๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ มารักษากาย วาจา ให้สะอาดปราศจากความชั่วตามสมควรแก่ตนในชาตินี้ เมื่อไปเกิดชาติหน้า จะมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม เพราะเขา ทำไป
๒. คำถาม ทำไม คนเกิดมาจึงหูหนวก และเป็นใบ้ เพราะเหตุใด
คำตอบ เพราะในอดีตชาติ เขาเหล่านั้น เป็นคนดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง คำสั่งสอนของพ่อ แม่ กลับโต้เถียง ดุด่าท่าน รวมทั้งครูอาจารย์ และไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า กลับดูถูก เหยียดหยาม ประณามต่างๆ นานา ด้วยวาจา ที่หยาบคาย เขาเหล่านั้นฟังความดีไม่รู้เรื่อง และพูดความดีไม่เป็น เป็นเหตุให้เกิดมาในชาตินี้ จึงเป็นคนหูหนวก และเป็นใบ้เพราะเขา ทำมา
ผู้ที่เกิดในชาตินี้ เป็นคนดี เชื่อฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า และพ่อแม่ ครูอาจารย์ พร้อมทั้งได้ประพฤติปฏิบัติตาม โดยคิดดี พูดดี ทำดี มีความกตัญญูกตเวที ต่อผู้มีพระคุณ เมื่อไปเกิดชาติหน้า จะเป็นคนสมบูรณ์ ไม่หูหนวก และไม่เป็นใบ้ เพราะเขา ทำไป
๓. คำถาม ทำไมคนจึงโง่ และฉลาดต่างกัน เพราะเหตุใด
คำตอบ เพราะในอดีตชาติเขาเหล่านั้นเป็นคนไม่สนใจ ไม่มีสมาธิฟังคำสอน ดูถูกเหยียดหยามคำสอน ของพ่อแม่ ครูอาจารย์ ไม่ปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชอบดื่มสุรา เครื่องดองของเมา ขาดสติปัญญา ทำความชั่วต่างๆ เกิดมาชาตินี้จึงเป็นคนโง่เขลา เบาปัญญา เพราะเขา ทำมา
ถ้าผู้ใดต้องการเป็นคนที่เฉลียวฉลาด ในชาติหน้า ต้องตั้งใจ ฟังพระธรรมคำสั่งสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพ่อ แม่ ครูอาจารย์ แล้วปฏิบัติตาม เช่นฝึกสมาธิเพื่อให้จิตสงบ เป็นการฝึกสติให้ควบคุมจิตให้คิดแต่เรื่องที่ดี ควบคุมวาจาให้พูดแต่เรื่องที่ดีมีประโยชน์ ควบคุมกายให้ประกอบแต่กรรมดี ให้วิทยาทาน คือให้วิชาความรู้แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้ธรรมทานบ้าง เท่าที่จะสามารถให้ได้ เพื่อให้เขารู้จักผิดชอบชั่วดี ผู้ใด ปฏิบัติได้ดังนี้แล้ว ต่อไปในชาติหน้าท่านจะได้เป็นคน มีสติปัญญาดีและเฉลียวฉลาดอย่างแน่นอน เพราะเขา ทำไป
๔. คำถาม ทำไมคนรวยแล้วก็จน คนจนแล้วก็รวย เพราะเหตุใด
คำตอบ คนที่เกิดมาในชาตินี้ร่ำรวย เพราะเขาได้ให้ทานมามากในอดีตชาติ บางคนรวยไม่นานก็จน เพราะในอดีตชาติ เขาให้ทานจริง แต่ทรัพย์สมบัติ เงินทองที่ให้ทานนั้นได้มาโดยทุจริต เช่น ฉกชิง วิ่งราว จี้ ปล้นทรัพย์ ของผู้อื่นหรือ หลอกลวง คดโกง ทุจริต คอรัปชั่นงบประมาณแผ่นดิน เป็นต้น แล้วนำมาให้ทาน โดยการนำมาสร้างวัด สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาลให้กับผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก เป็นต้นเพื่อให้ได้หน้าได้ตาในสังคม และเพื่อปกปิดความชั่ว ที่ทุจริต คดโกง ทรัพย์สมบัติผู้อื่นมา เขาทำทั้งความดีและความชั่วในขณะที่มีชีวิตอยู่ ก่อนที่เขาจะขาดใจตาย เขาคิดถึงความดี คือการให้ทานก่อน เมื่อเกิดมาชาตินี้ เขาจึงมีฐานะร่ำรวย แต่จะมีความสุขกับทรัพย์ไม่นาน กรรมชั่วที่ทำไว้จะส่งผลให้ทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่หมดไป จากการถูกโกง ถูกปล้น ถูกจี้ ถูกหลอกลวง และเสียโดยวิธีอื่นๆอีก ในที่สุดเขากลายเป็นคนจน เพราะเขา ทำมา
คนที่เคยจนแล้วรวยภายหลัง ในอดีตชาติ เขาเป็นคนดีแต่ยากจน เพราะให้ทานมาน้อย เมื่อได้ฟังคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าการให้ทานเป็นการสะสมทรัพย์สมบัติ เกิดไปชาติหน้าจะเป็นคนรวยได้ เขาจึงพยายามแบ่งปันทรัพย์สมบัติ ที่มีอยู่ให้กับคนที่ควรให้ได้แก่ พ่อ แม่ พระภิกษุ สามเณร และผู้ที่ยากไร้แต่เป็นคนดี มีทรัพย์น้อยก็แบ่งให้ทานน้อย ตามกำลังทรัพย์ แต่ไม่ให้เดือดร้อนแก่ตนเองและครอบครัว ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าเขามีอายุ ๗๐ ปี เขาเริ่มให้ทานเมื่ออายุ ๒๐ ปี จนอายุครบ ๗๐ ปี เขาได้ให้ทานมาเป็นเวลา ๕๐ ปี เขาได้สะสมทรัพย์ไว้ มากน้อยเท่าใด เขาเป็นคนรู้ เพราะเขาเป็นคนทำ เมื่อเกิดมาในชาตินี้ ๒๐ ปี แรก เขาจะเป็นคนจน อีก ๕๐ ปีหลังต่อมาเขาจะเป็นคนรวย เพราะเขา ทำมา
ถ้าผู้ใดต้องการมีฐานะร่ำรวย ไม่ยากจน ขอให้หาทรัพย์สินเงินทองด้วยความ ซื่อสัตย์สุจริต แล้วนำมาแบ่งปันให้ทาน ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ทำเพื่อเอาหน้าและไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ในเมื่อทรัพย์สินเงินทองได้มาด้วยความบริสุทธิ์เกิดไปชาติหน้า ผู้นั้นจะเป็นคนรวยตลอดชีวิตเพราะเขา ทำไป